วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2550

KM in NOK Precision Component (Thailand) Ltd.

KM in NOK Precision Component (Thailand) Ltd.
วันที่ 10 ก.ย. 2550
ผมได้มีโอกาสไปดูงานที่บริษัท NOK Precision Component (Thailand) Ltd. เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2544 โดยเริ่มการผลิตในวันที่ 1 เม.ย. 2545 มีเงินทุนจดทะเบียน 360 ล้านบาท จำนวนพนักงาน 750 คน (ณ วันที่ 31 พ.ค. 2550) ผลิตภัณฑ์หลัก คือ ส่วนประกอบของฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Top Cover,Ramp,Crash Stop,Latch) และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิค โดยกำหนดกลยุทธ์ดังนี้

กลยุทธ์เพื่อก้าวสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
Smart System - สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
เทคโนโลยีสารสนเทศ - บริหารงานด้วยความโปร่งใส
- สร้างความสมดุลระหว่างคนกับระบบ

ผมยังได้เยี่ยมชมสถานที่ต่างของโรงงานซึ่งที่นี่มีแหล่งการเรียนรู้ขององค์กรจะมีอยู่ 2 แหล่งใหญ่ ๆ คือ ระบบ Intranet และต่อมาได้พัฒนาต่อยอดเป็น ระบบ Portal ขึ้นใช้เองในองค์กรเป็นที่รวบรวมข้อมูลของทุกฝ่าย ทุกกิจกรรมตลอดจน การลากิจ ลาป่วย เวลาทำงาน การเบิกของ รายงาน รายงานการประชุมและกิจกรรมขององค์กรซึ่งมีอยู่จำนวนมาก จะถูกจัดระบบไว้ในนี้ทุก ๆ สายงาน จะบรรลุข้อมูลงานของทุกคนลงใน Portal รวมทั้งรายงานในหน้าเดียว (One-page Report) โดยผลการดำเนินงานของทุกฝ่ายจะถูกใส่ในฐานข้อมูลและระบบจะดึงข้อมูลมาเพื่อสร้างรายงานวันละ 2 ครั้ง ทำให้ผู้บริหารเกิดความสะดวกในการติดตามผลการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ มุมขององค์กรได้ครบถ้วนในเวลาอันสั้นและนอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณกระดาษและแฟ้มเอกสารได้อย่างมากโดยสามารถเปิดดูข้อมูลที่ถูกปรับปรุงที่เป็นปัจจุบันที่สุดได้ในระบบ Portal นอกจากนี้องค์กรยังพยายามที่จะกระตุ้นให้พนักงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรหนึ่งในกิจกรรมนั้นคือ Kaizen Suggestion ที่เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับตั้งแต่ระดับปฏิบัติการเป็นต้นไป ได้นำเสนอข้อแนะนำว่าอยากจะปรับปรุงอย่างไร ให้กับองค์กรและคาดว่าผลที่ได้รับคืออะไรเมื่อพนักงานเขียนเสร็จแล้วจะรวบรวมเอกสารลงในระบบให้ผู้บริหารรับรู้และติดตามผลการดำเนินการตามคำแนะนำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะนำไปสู่การปฏิบติจริงและการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการใช้ศาสตร์ของการจัดการความรู้นั้น ผมชื่นชมกับวิธีการที่บริษัทใส่ใจกับกระบวนการปฏิบัติงานและตัวพนักงาน ซึ่งทางบริษัทได้กำหนดยุทธ์ศาสตร์ไว้ดังนี้
KM in NOK Precision Component (Thailand) Ltd.
Small Group Activity - ทำงานเป็นทีม
กิจกรรมกลุ่มย่อย - ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- ใช้หลัก Win-Win ในทุกหน่วยงาน
- องค์กรแห่งการเรียนรู้ :
การจัดการความรู้สู่การเรียนรู้ด้วยตนเอง
- มีความเป็นมืออาชีพในงาน
- ดำรงการเติบโตของธุรกิจ

คือ กิจกรรมกลุ่มย่อยที่พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่งมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ อาทิเช่น กิจกรรม 5 ส , ความปลอดภัย , TPM เป็นต้น บริษัท ฯ เริ่มทำกิจกรรม SGA มากกว่า 3 ปีแล้ว โดยเริ่มจากฝ่ายผลิต ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพและขยายทั่วทั้งองค์กรในปี 2548 โดยแบ่งกลุ่มตามพื้นที่ปฏิบัติงาน ประมาณ 8-10 คน โดยแต่ละกลุ่มจะประกอบด้วย หัวหน้าทีม ลูกทีมและที่ปรึกษาที่มาจากพี่ ๆ ระดับ วิศวกร พนักงานประจำ พนักงานอาวุโส และผู้บริหารจากทุกแผนกปัจจุบันมี SGA จำนวน 65 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ทั้งองค์กรในการดำเนินกิจกรรม SGA สมาชิกในกลุ่มจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้กัน ประมาณ 10-30 นาที ในแต่ละวันทำการสำรวจสิ่งผิดปกติและส่วนที่ต้องปรับปรุงของทุกกิจกรรม เดือนละครั้ง การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานในพื้นที่ของตน ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องงาน โดยการสร้างบทเรียนที่เรียกว่า OPL (One Point Lesson) และKSS (Kaizen Suggestion System) ทุกกลุ่มสามารถที่จะค้นคว้าพัฒนาตนเองได้ โดยหาข้อมูลต่าง ๆ จากห้องสมุด เวบไซต์ข้อมูลภายในบริษัท ดูงานเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ และการสอนจากที่ปรึกษาและหน่วยงานฝึกอบรม เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

การประชุมรับทราบนโยบาย ข้อบังคับและกระบวนการทำงานในปัจจุบัน

การประชุมรับทราบนโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับและกระบวนการทำงานในปัจจุบัน
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2550 เวลา 10.00-12.00 น.
ณ ห้อง 201 อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน
...............................................................................................................
บันทึกความเข้าในการปฏิบัติงาน
1. การลงทะเบียนเรียนเป็นกรณีพิเศษ
คือ รายวิชาไม่ได้เปิดในภาคเรียนนั้นและนักศึกษาขอลงทะเบียนเป็นจำนวนน้อย เพื่อที่จะสำเร็จการศึกษาให้ดำเนินการดังนี้
1). บันทึกขออนุมัติต่อรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ขอเปิดรายวิชา โดยระบุ รหัสวิชา ชื่อวิชา วันและเวลาเรียน และอาจารย์ผู้สอนที่ถูกต้อง พร้อมเหตุผลการขอเปิดรายวิชา
2). ระบุรหัสและชื่อนักศึกษาที่มีความประสงค์จะลงทะเบียนมาในบันทึก
3). กรณีมีเรื่องเงินค่าสอน โปรดระบุเรื่องเงินค่าสอนแจ้งมาในบันทึก เช่น ขอเบิกค่าสอน 60 % หรือไม่ขอเบิกเงินค่าสอน
2. การขอแก้ไขข้อมูลของรายวิชาในระบบบริหารการศึกษา
เช่น วันและเวลาเรียน ห้องเรียน ตอนเรียน คุณสมบัติผู้ลงทะเบียน ชื่อผู้สอน ให้บันทึกถึงผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยระบุรายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้อง บอกจุดประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ขอเปลี่ยนวันและเวลาสอนจากวันอังคาร เวลา 9.00-12.00 น. ไปเป็นวันพุธ เวลา 11.00-14.00 น. โดยห้องเรียนและผู้สอนคงเดิม (สามารถดำเนินการได้ถ้าข้อมูลไม่ซ้ำซ้อน)
หากแก้ข้อมูลเป็นจำนวนมากขอได้โปรดทำเป็นตารางเทียบการแก้ไขระหว่างข้อมูลเดิมกับข้อมูลใหม่ให้ชัดเจน เพื่อสะดวกต่อการดำเนินการ

3. การขอเพิ่มข้อมูลผู้สอนเข้าในระบบ บริหารการศึกษา
เมื่ออาจารย์ตรวจสอบแล้วรายวิชาและตอนเรียนที่อาจารย์ทำการสอนไม่ปรากฏในระบบบริหารการศึกษาของอาจารย์โปรดดำเนินการดังนี้
1. บันทึกข้อความจากศูนย์การศึกษาหรือหลักสูตรและคณะมายัง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยระบุ รหัสอาจารย์ ชื่อสกุลอาจารย์ รหัสวิชา ชื่อวิชาและตอนเรียน ที่ทำการสอนมาให้ครบถ้วนและถูกต้อง หรือ
2. เขียนลงแบบฟอร์มแล้วส่งที่สำนักงานผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมวิชาการละงานทะเบียน
โดย Download แบบฟอร์มได้ที่ http://regis.dusit.ac.th ข้อมูลบริการ หัวข้อ แบบฟอร์มต่าง ๆ แล้วไปใน Teacher From ที่ชื่อว่า แบบฟอร์มแจ้งรายวิชาเรียนที่ขาดในระบบบริหารการศึกษา

4. การจัดตารางเรียน-ตารางสอน
ดำเนินการตามประกาศของมหาวิทยาลัย เรื่อง กิจกรรมวิชาการของผู้ประสานงานวิชาการ โดยสามารถ Download ดูประกาศได้ที่ http://regis.dusit.ac.th/ เว็บไซท์ของสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน ข้อมูลบริการ หัวข้อบรรทัดที่ 2 ชื่อ ปฏิทินวิชาการ แล้วเลือกภาคเรียนที่ต้องการ

5. การลงทะเบียนเรียนของนักศึกษา

1) การลงทะเบียนจองรายวิชาของภาคเรียนถัดไป จะดำเนินการก่อนสิ้นภาคเรียนปัจจุบันตามประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง กิจกรรมวิชาการของนักศึกษา โดยมีกำหนดระยะเวลาไว้แล้ว ดังนั้น ที่สำคัญคือ รายวิชาที่ผู้ประสานงานวิชาการทุกท่านเปิดไว้ในระบบบริหารการศึกษาให้นักศึกษาลงทะเบียนต้องเสร็จตามกำหนดเวลาที่ได้ระบุไว้ในประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง กิจกรรมวิชาการของผู้ประสานงานวิชาการ (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)

2) การลงทะเบียนเรียน เพิ่ม- ถอนรายวิชา (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
กรณี นักศึกษาลงทะเบียนเพิ่มรายวิชา ทำได้ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน ซึ่งวันที่เปิดระบบบริหารการศึกษาให้ดำเนินการจะเป็นไปตามประกาศมหาวิทยาลัย ฯ
นักศึกษาสามารถดำเนินการในระบบบริหารการศึกษาได้เองตามวันที่กำหนด ไม่ว่านักศึกษาจะลงทะเบียนยังไม่ครบหน่วยกิตที่กำหนดหรือไม่เคยลงทะเบียนเลยก็สามารถทำได้ แต่นักศึกษาต้องไม่มีหนี้ค้างชำระของภาคเรียนที่ผ่านมาแล้วและสถานภาพนักศึกษาเป็นปกติ

กรณี ถอนรายวิชา (ไม่ได้รับผลการเรียนเป็น W ) จะทำได้ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน เป็นไปตามประกาศมหาวิทยาลัย ฯ ซึ่งนักศึกษาต้องยื่นคำร้องที่สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และสำหรับนักศึกษาสังกัดศูนย์การศึกษายื่นคำร้องได้ที่สำนักงานศูนย์การศึกษา นักศึกษาที่ดำเนินการในกำหนดจะไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเรียนล่าช้า เป็นจำนวนเงิน 500 บาท
หมายเหตุ
ขอเน้นย้ำว่า หากพ้นกำหนดแล้วนักศึกษาต้องยื่นเรื่องขอยกเลิกรายวิชาเพื่อรับผลการเรียน “W” ซึ่งทำได้ตั้งแต่พ้นกำหนดการเพิ่ม-ถอนรายวิชาของแต่ละภาคเรียน และไม่เกิน 2 สัปดาห์ก่อนกำหนดการสอบปลายภาค


3) การลงทะเบียนเรียนข้ามภาค (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
นักศึกษาขออนุญาตลงทะเบียนเรียนข้ามภาคกับนักศึกษาภาคปกติ ภาคสมทบ และภาคปกติ (นอกเวลา) จะทำได้ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน โดยพิจารณาเฉพาะนักศึกษาที่มีความจำเป็นที่ลงทะเบียนยังไม่ครบตามที่กำหนดและเป็นรายวิชาที่ไม่เปิดสอนในภาคปกติ ภาคสมทบและภาคปกติ (นอกเวลา) ของนักศึกษา (โปรดระวังนักศึกษาขออนุญาตลงรายวิชาที่มีข้อกำหนดว่าต้องผ่านรายวิชาใดมาก่อนหรือขอลงทะเบียนข้ามภาคควบกันระหว่างรายวิชาที่มีข้อกำหนดให้เรียนมาก่อนจึงจะลงได้ รวมถึงนักศึกษาไม่มีหนี้ค้างชำระของภาคเรียนที่ผ่านมาแล้ว)

4) การลงทะเบียนเรียน(จำนวนหน่วยกิตเกินจากเกณฑ์ที่กำหนด)
นักศึกษายื่นคำร้องลงทะเบียนเรียน(จำนวนหน่วยกิตเกินจากเกณฑ์ที่กำหนด) ในกรณีที่เป็นภาคเรียนสุดท้ายกำลังจะสำเร็จการศึกษา และลงทะเบียนครบตามจำนวนหน่วยกิตที่กำหนดได้ที่ศูนย์การศึกษาและสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนโดยนักศึกษาต้องแนบเอกสารมากับคำร้องดังนี้
4.1 ใบรายงานผลการลงทะเบียน (มสด 13.2) ของภาคเรียนนั้น
4.2 ใบรายงานผลการศึกษา (มสด.29) ทุกภาคเรียน
4.3 ถ้าเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี ต่อเนื่อง ต้องแนบวุฒิ ปวส.มาด้วย
ทั้งนี้ นักศึกษาต้องใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้อง และไม่มีหนี้ค้างชำระในภาคเรียนที่ผ่านมาแล้ว

5) การขอลงทะเบียนเรียนล่าช้า (พ้นกำหนดการเพิ่ม-ถอนรายวิชา) (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี2550) นักศึกษาที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหรือยังลงทะเบียนไม่ครบตามหน่วยกิตที่กำหนด สามารถยื่นคำร้องขอลงทะเบียนเรียนล่าช้าได้ที่สำนักงานศูนย์การศึกษาและสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยต้องชำระค่าธรรมเนียม กรณีนักศึกษาระดับปริญญาตรีลงทะเบียนเรียนล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน 500 บาท ซึ่งนักศึกษาสามารถยื่นขอลงทะเบียนเรียนข้ามภาคล่าช้าได้ด้วยแต่ต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมเหมือนกัน
ทั้งนี้ ประกาศมหาวิทยาลัย ฯ ดังกล่าวไม่ใช้กับการขอถอนรายวิชาที่พ้นกำหนดไปแล้ว ดังนั้นอย่าให้นักศึกษาชำระเงินค่าถอนรายวิชา นักศึกษาต้องชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา)

6) การขอลงทะเบียนเรียนย้อนหลัง (ปรากฏผลการเรียน)
นักศึกษายื่นคำร้องขอลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่ไม่ได้ลงทะเบียนในภาคเรียนที่ผ่านไปแล้ว โดยอาจารย์ผู้สอนส่งผลการเรียนเข้ามาไว้ที่สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน เมื่อตรวจสอบพบผลการเรียนก็จะดำเนินการลงทะเบียนเรียนให้นักศึกษา แต่นักศึกษาต้องไม่มีหนี้ค้างชำระในภาคเรียนใด ๆ เลย (ภาคเรียนปัจจุบันด้วย) ซึ่งตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2550 เป็นต้นไปนักศึกษาจะต้องชำระค่าธรรมเนียมลงทะเบียนเรียนล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน 500 บาทก่อน จึงจะลงทะเบียนให้ และแจ้งนักศึกษาชำระเงินค่าหน่วยกิตและค่าปรับของการชำระเงินล่าช้าด้วย
5. การตัดตอนเรียน
ก่อนเปิดภาคเรียนนั้น ๆ เจ้าหน้าที่วิชาการของศูนย์การศึกษาต้องเข้าไปตัดตอนเรียนในระบบบริหารการศึกษาที่ เมนูตัดตอนเรียน เพื่อเป็นการให้สิทธิ์เรียนแก่นักศึกษา และนักศึกษาที่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ของตอนเรียนนั้นจะได้ทราบว่าตนเองไม่ได้สิทธิ์เรียน เพื่อลงทะเบียนใหม่ ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน

6. การสอบเทียบความรู้
นักศึกษายื่นคำร้องหรือศูนย์การศึกษาบันทึกเสนอรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ เพื่อพิจารณามีเอกสารประกอบดังนี้ 1. ใบรายงานผลการศึกษา (มสด.29) ทุกภาคเรียน
2. สำเนาวุฒิการศึกษาปวส. หรือถ้ามีรายวิชาที่ยกเว้นหรือเทียบโอนแนบมาด้วย
โดยการสอบเทียบจะเป็นการสอบเทียบ 100 %

7. การสอบปลายภาคเรียน (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
1. การรับข้อสอบปลายภาคไปเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์การศึกษานั้น ศูนย์ในกรุงเทพ ฯและปริมณฑลจะมารับและส่งคืนวันต่อวัน ส่วนศูนย์ต่างจังหวัดจะมารับก่อนวันสอบไม่เกิน 2 วัน และส่งคืนไม่เกิน 3 วันนับจากวันสุดท้ายที่ศูนย์ ฯ มีการสอบ ซึ่งผู้รับ-ส่งข้อสอบจะมีคำสั่งแต่งตั้ง ทั้งนี้ ต้องส่งสรุปรายงานการดำเนินการจัดสอบปลายภาคเมื่อเสร็จสิ้นการสอบตามวันที่คำสั่ง ฯ กำหนด
2. การทุจริตการสอบจะมีแนวปฏิบัติให้ในคู่มือนักศึกษาและระเบียบมหาวิทยาลัย ฯ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบและกรรมการกำกับการสอบ สามารถ Download ดูระเบียบได้ที่ http://regis.dusit.ac.th/ เว็บไซท์ของสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน ข้อมูลบริการ หัวข้อบรรทัดที่ 1 ชื่อ ประกาศมหาวิทยาลัย ฯ แล้วเลือกที่ระเบียบดังกล่าว
เมื่อเกิดการสงสัยว่าทุจริตในการสอบต้องให้นักศึกษาลงลายมือชื่อรับทราบ หากนักศึกษาไม่ยอมลงลายมือชื่อเพื่อรับทราบให้กรรมการกำกับการสอบรายงานบันทึกพฤติกรรมเพิ่มเติมเพื่อเสนอต่อรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ

8. การขออนุญาตสอบเวลาพิเศษและตารางสอบซ้อน (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
การสอบลักษณะนี้เป็นการพิจารณาอนุญาตให้สอบเฉพาะนักศึกษาผู้ที่มีความจำเป็นเท่านั้น และมีเหตุผลเพียงพอ โดยยื่นคำร้องมาเสนอขออนุญาตหรือศูนย์การศึกษาบันทึกข้อความขออนุญาต โดยกำหนดการสอบจะเป็นการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป หากไม่ยื่นคำร้องขออนุญาตและขาดสอบต้องมายื่นคำร้องขอสอบเนื่องจากขาดสอบปลายภาค


9. การจัดสอบกรณีขาดสอบปลายภาค (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
นักศึกษาต้องยื่นคำร้องในวันที่ตามประกาศของมหาวิทยาลัย ฯ และมาเข้าสอบตามวันและเวลาที่ประกาศ นักศึกษายื่นคำร้องขอสอบที่ศูนย์ใดต้องไปสอบขาดสอบที่ศูนย์นั้น หากไม่เข้าสอบถือว่าสละสิทธิ์ มหาวิทยาลัย ฯ จะไม่จัดสอบให้กับนักศึกษา และผลการเรียนในส่วนที่ขาดสอบเป็น “ศูนย์” แล้วจะดำเนินการปรับผลการเรียนตามคะแนนเก็บที่มี
ทั้งนี้ นักศึกษาต้องไม่มีหนี้ค้างชำระในภาคเรียนใด ๆ เลย (รวมภาคเรียนปัจจุบัน) จึงจะดำเนินการได้