วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550

KM IN CHAINA (5)


หลังจากรับประทานอาหารอิ่มหนำสำราญแล้วก็เดินทางต่อมายังโรงแรมที่พักชื่อว่า โรงแรม Happy inn Hotels & Resorts อยู่ทางตะวันตกของเมือง ปักกิ่ง เป็นโรงแรมที่สวยมากนะครับ ตกแต่งภายในไว้อย่างโอ่อ่า
มีพนักงาน สาวสวยคอยบริการเคาน์เตอร์ พวกเรามาถึงให้ไกด์จัดการให้หมดเรากระหน่ำ ถ่ายรูปกันอย่างเดียว เพราะพื้นที่สวยมากเสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บที่ห้องพัก ผมชอบมากตรงทางเดินที่สะอาด ห้องสวย สะอาดตา ยิ่งห้องน้ำ มีทั้งอ่าง
สำหรับนอนแช่ และมีห้องกระจกใสสำหรับอาบฝักบัวด้วย นอกจากนี้ยังมี ชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟ ตู้เก็บของ ที่เป็นข้อเสีย คือ เปิดแอร์ไม่ได้คราบ เพราะมีนโยบายรัฐบาลว่า ถ้าอุณหภูมิไม่ถึง 26 องศาห้ามเปิดแอร์เป็นอันขาด ดังนั้นนอนที่โรงแรมนี้ 4 คืนไม่ได้เปิดแอร์เลย มีบางคืนที่อากาศอบอ้าวหน่อย แต่ก็นอนได้ ประหยัด พลังงานกันน่าดูเลย ลืมบอกเรื่อง TV ไป อยู่โรงแรมเปิด ไว้ให้มีเสียงเท่านั้นละ ฟังไม่ออกเลยว่าพูดว่าอะไรบ้าง ดูแต่ที่เป็นรายการเพลงนะครับ ดูละครจีนฟังไม่เข้าใจ สรุปแล้วโรงแรมสะอาด สะดวก สวยงาม OKคราบ

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550

KM IN CHAINA (4)


อาทิตย์ที่แล้วแนะนำอาหารไปแล้วนะครับต่อมาขอแนะนำเครื่องดื่มกันบ้างนะครับ
ไปเมืองจีน ปักกิ่งเมืองหลวงทั้งทีต้องดื่มน้ำชาใช่ไหมครับ เพื่อนคนอื่น ๆ ดื่มแต่ผมไม่ขอ
ดื่มละครับเพราะไม่ชอบ เท่าที่ถามเพื่อนก็บอกว่าเฉย ๆ รสชาติเหมือนบ้านเราที่เคยดื่ม
น้ำดื่มที่พวกเราชอบมากคือ โค๊ก แต่เสียตรงที่น้ำแข็ง พวกเราไปทานอาหารที่ไหนทำเอา
พนักงานบริการต้องงไปตาม ๆ กันเพราะทานน้ำแข็งเก่งมาก จนบางทีไปหาน้ำแข็งกัน
ถึงไหนไม่รู้นานมาก ถามไกด์คุณหงษ์บอกว่า พวกเราทานน้ำแข็งเก่งมากจนเค้าเตรียมไว้
ไม่พอ เพราะปกติที่นี่จะหนาวจนคนไม่อยากทานน้ำแข็ง แต่พวกเราคนไทยไปไหนขอ
น้ำแข็งแถมบ่อยเสียด้วย จะไม่ให้บ่อยได้ไงก็เหยือกน้ำแข็ง 1 เหยือกอันนิดเดียว โต๊ะ
มีหลายคนไม่พอ มีอยู่ที่หนึ่งประชดหรือเปล่าไม่ทราบยกมาเป็นกาละมังเลยวางไว้โต๊ะ
ข้าง ๆ ตักเอาเอง มีเครื่องดื่มอีกหนึ่งอย่าง คือ เบียร์ มีวางไว้ทุกที่ให้เราดื่ม เค้าบอกราคา
แล้วปรากฎว่าราคาถูกกว่าน้ำเสียอีก มี 2 ยี่ห้อ คือ เบียร์เยียนจิงกับเบียร์ชิงเต่าครับ ขอใช้
ภาษาไทยตรง ๆ เลยครับ เบียร์เยียนจิงนี้เป็นเบียร์ของเมืองหลวงปักกิ่ง ได้ชื่อยี่ห้อมาจาก
ชื่อเมืองหลวงในอดีตของปักกิ่งคือ เยียนจิง (รูปด้านขวาบน) ยี่ห้อต่อไปคือ ชิงเต่า ครับ
เป็นเบียร์ของมณฑลอื่น รสชาติทั้งสองชนิดสู้เบียร์ช้างหรือสิงห์บ้านเราไม่ได้ครับ ยิ่ง
ความแรงของดีกรีแล้วไม่ต้องพูดถึงเทียบกันไม่ได้ คุณบอยของเราดื่มเบียร์แทนน้ำเลย
ไม่ยอมเมาซื้อไว้ที่โรงแรมดื่มไม่หมดยกให้เค้าไปเลย ขอบอกว่าที่นี่ดื่มเบียร์ถูกที่สุดแล้ว
ซื้อโค๊กหรือแป๊ปซี่ราคาเพียงมาก น้ำชาพวกเราก็มาชงชาดื่มที่ห้องโรงแรมเค้าจัดไว้ให้
กล่องใส่ชาสวย ๆ มีเพื่อนเอามาวันกลับถูกโรงแรมคิดเงินเพิ่มด้วยครับ

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550

KM IN CHAINA (3)


วันแรกกับอาหารเย็นที่ภัตราคารต้องบอกว่าจำชื่อภัตราคารภาษาจีนไม่ได้ เป็นภัตราคารที่จัดว่าสวยทีเดียว อาหารถูกจัดวางรอไว้เต็มโต๊ะแล้ว บรรยากาศใช้ได้ มีลักษณะบรรยากาศจีน ๆ มีพนักงานมายืนคอยบริการ เป็นสาวจีนหลายคนที่หน้าตา แทบจะบอกได้ว่าเหมือนกันหมด ปากนิด จมูกหน่อย ดั้งน้อย ๆ ตาตี่ ๆ อายุประมาณ 15-16 ปี กันนะครับ ผิวขาวมาก หุ่นอวบ ๆ ไม่ค่อยสูงนัก ถามคุณหงษ์ไกด์ของเรา บอกว่าเป็นสาวชนบทเข้ามาหางานทำ เพราะที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ อาหารบนโต๊ะประมาณ 10 อย่าง ที่ผมชอบมาก คือ พริกหยวกกับหมูผัด น้ำมันหอยเท่านั้นเอง นอกนั้นจะมี ปลานึ่ง พวกเราไม่ค่อยทานเพราะก้างเยอะมาก แถมรสชาติจืดมาก ต่อไปคือ หมั่นโถทอด เหมือนปาท่องโก๋จิ้มสังขหยาบ้านเรา ครับ ดูสีเหมือนแต่รูปลักษณ์ไม่เหมือน พอลองชิมก็แย่งกันใหญ่ จานต่อมาดูคุ้น ๆ หมูแดงบ้านเราแต่มีน้ำมันเยิ้ม ๆ ที่ขาดไม่ได้ก็คือเมณูไก่ครับ จานในรูปไก่อบครับพี่ ต่อมาชามใหญ่มากกลางโต๊ะจะเรียกว่ากาละมังก็ได้ เพราะชามใหญ่มีน้ำแกงเป็น น้ำใส ๆ มีผักสีเขียวลอยอยู่บ้างเล็กน้อย ที่ดูแปลกไม่รู้ว่าผักชื่ออะไรไม่ได้ถาม เหมือนกลีบหอมหัวใหญ่มาต้มแล้วใส ๆ แต่ไม่มีรสชาติเลย ตักกันคนละถ้วย ชิมแล้ว ไม่มีใครตักอีกเลย แต่ที่แน่ ๆ อาหารจานหนึ่งไม่เคยกินมาก่อนเลย คือ ไข่เจียว 555 (ล้อเล่น) อาหารที่จำได้ก็คืออาหารที่สนใจในรสชาตินะครับนอกนั้นก็จำไม่ได้แล้ว เพราะทานที่ภัตราคาร 5 วันไม่ซ้ำกันเลย ยังต้องใช้ตะเกียบคีบข้าวเข้าปากกว่าจะอิ่ม ก็กินกับข้าวซะมาก ช้อนที่มีให้ก็เป็นช้อนเหมือนที่จัดที่โต๊ะจีนเป็น สีขาวเซรามิก ตักน้ำซุบง่ายกว่าตักข้าวเยอะเลย ยังไม่หมดนะครับสัปดาห์หน้ามาอ่านกันต่อครับ

KM IN CHAINA (2)

มาเล่าต่อเรื่องไปประเทศจีนกันนะครับ ระยะเวลา 4 ชั่วโมงบนเครื่องบิน
อียิปแอร์ก็มา ถึงจุดสิ้นสุด เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติปักกิ่ง ความตื่นเต้นบังเกิดขึ้นละครับ จะเหยียบแผ่นดินประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์เป็นครั้งแรก ใจก็กังวลว่าจะโดนอะไรกับเค้าบ้างไหม แต่ก็ผ่านไปได้เรียบร้อย พอออกนอกสนามบินเห็นท้องฟ้ายามเย็นอากาศเย็น ๆ มีฝนตกปอย ๆ สวยมากครับ อากาศก็เย็นดีชอบมาก…. ไกด์ที่ดูแลกลุ่มเราชื่อ อาหงษ์ เป็นสาวจีนที่พูดไทยเกือบจะชัดแล้วครับมารับพาขึ้นรถบัสไปภัตราคาร เพื่อทานอาหารเย็น
ระหว่างทางที่ผ่านพวกเราตื่นเต้นกับอาคารบ้านเรือนที่คิดว่าจะเหมือนในหนังจีน ขอโทษ…ไม่เหมือนเลยมีแต่ตึกสูง ๆ ประดับไฟ สวย ๆ อาหงษ์มาแนะนำตัวและเล่ารายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับปักกิ่ง ที่จำได้แม่นก็สิ่งที่หาดูได้ยากในปักกิ่งมีอยู่ 5 สิ่ง ถ้าใครได้เห็นจะโชคดีก็ คือ มอเตอร์ไซด์ สุนัข ผู้หญิงท้อง ปั๊มน้ำมันและฝนตก ปรากฎว่าไปวันแรกกลุ่มเราเห็นไป 4 อย่างเลยเหลือคนท้องอย่างเดียวที่มาเห็นเช้าอีกวันหนึ่ง ภัตราคารที่เราไปทานเป็นมื้อแรกพอได้เห็นอาหารต้องขอบอกว่าอลังการเต็มโต๊ะเลยครับ ที่แน่ ๆ มีไข่เจียวด้วย 1 จาน อาหารมีน้ำมันเยิ้ม เกือบทั้งหมดแต่รถชาติไม่จืดนะครับเค้าปรุงมีรสชาติ ยกเว้นแกงจืดหรือน้ำซุปที่จืดได้ใจมาก คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องขำ ๆ บนโต๊ะอาหารให้ฟัง รออ่านนะครับ

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2550

KM IN CHAINA

ถึงแม้จะช้าไปแล้ว แต่อยากเล่าเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย จากการเดินทางไปประเทศจีน ระหว่างวันที่ 21-25 พ.ค.2550 ที่ผ่านมา การเดินครั้งนี้เราขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิใครที่ไม่เคยไปผมขอบอกว่าการเดินทางไปไม่ยากครับมีป้ายบอกตลอดหรือถ้าไปโดยทางด่วนก็ถึงเร็วดีครับ แต่ขอบอกว่าขากลับนี่สิยากเพราะไม่มีป้ายบอกออกไปไหนทางไหนแน่ ที่สนามบินก็ดีกว่าปีที่แล้วที่เคยมาครับมีการปรับปรุงขึ้นมากเน้นเอกลักษณ์ไทยที่สวยงาม แต่ขอบอกว่าห้องน้ำยังน้อยมากครับ สำหรับเครื่องบินที่ใช้เดินทางเราโดยสายการบินคุณหยิบแอร์ 555 เรียกให้เพราะครับ สายการบินอียิปแอร์นี้มีพนักงานแอร์สาวไทย 1 คนครับที่เหลือเป็นของอียิป พูดภาษาอังกฤษห้วน ๆ อาหารที่กินบนเครื่องเป็นอาหารของไทย น้ำผลไม้ยี่ห้อ Malee นี่ละครับ ที่เห็นว่าจะเป็นของประเทศอียิปก็คือ ถั่วลิสง ละครับที่มาจากประเทศเค้า ที่ว่าจะไม่เบื่อเพราะนั่งเครื่องบินไปปักกิ่ง 4 ชั่วโมง จะดูหนังหนังก็ภาษาอังกฤษ ฟังเพลงก็ภาษาอารบิก อายับปา…อารีบาบา หง่อยเลยเราหลับดีกว่า สองตื่นก็ถึงแล้ว ครั้งหน้าจะเล่าเรื่องปักกิ่งครับ
เรื่องและภาพโดย แมงมุมแดง

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2550

KMทะโมนจ้า2

วันนี้ดีกว่าเมื่อวานได้ สนุก นั่งลุกสบาย

การประชุมรับทราบนโยบาย ข้อบังคับและกระบวนการทำงานในปัจจุบัน

การประชุมรับทราบนโยบาย ระเบียบ ข้อบังคับและกระบวนการทำงานในปัจจุบัน
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2550 เวลา 10.00-12.00 น.
ณ ห้อง 201 อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน
...............................................................................................................
บันทึกความเข้าในการปฏิบัติงาน
1. การลงทะเบียนเรียนเป็นกรณีพิเศษ
คือ รายวิชาไม่ได้เปิดในภาคเรียนนั้นและนักศึกษาขอลงทะเบียนเป็นจำนวนน้อย เพื่อที่จะสำเร็จการศึกษาให้ดำเนินการดังนี้
1). บันทึกขออนุมัติต่อรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ขอเปิดรายวิชา โดยระบุ รหัสวิชา ชื่อวิชา วันและเวลาเรียน และอาจารย์ผู้สอนที่ถูกต้อง พร้อมเหตุผลการขอเปิดรายวิชา
2). ระบุรหัสและชื่อนักศึกษาที่มีความประสงค์จะลงทะเบียนมาในบันทึก
3). กรณีมีเรื่องเงินค่าสอน โปรดระบุเรื่องเงินค่าสอนแจ้งมาในบันทึก เช่น ขอเบิกค่าสอน 60 % หรือไม่ขอเบิกเงินค่าสอน
2. การขอแก้ไขข้อมูลของรายวิชาในระบบบริหารการศึกษา
เช่น วันและเวลาเรียน ห้องเรียน ตอนเรียน คุณสมบัติผู้ลงทะเบียน ชื่อผู้สอน ให้บันทึกถึงผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยระบุรายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้อง บอกจุดประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ขอเปลี่ยนวันและเวลาสอนจากวันอังคาร เวลา 9.00-12.00 น. ไปเป็นวันพุธ เวลา 11.00-14.00 น. โดยห้องเรียนและผู้สอนคงเดิม (สามารถดำเนินการได้ถ้าข้อมูลไม่ซ้ำซ้อน)
หากแก้ข้อมูลเป็นจำนวนมากขอได้โปรดทำเป็นตารางเทียบการแก้ไขระหว่างข้อมูลเดิมกับข้อมูลใหม่ให้ชัดเจน เพื่อสะดวกต่อการดำเนินการ

3. การขอเพิ่มข้อมูลผู้สอนเข้าในระบบ บริหารการศึกษา
เมื่ออาจารย์ตรวจสอบแล้วรายวิชาและตอนเรียนที่อาจารย์ทำการสอนไม่ปรากฏในระบบบริหารการศึกษาของอาจารย์โปรดดำเนินการดังนี้
1. บันทึกข้อความจากศูนย์การศึกษาหรือหลักสูตรและคณะมายัง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยระบุ รหัสอาจารย์ ชื่อสกุลอาจารย์ รหัสวิชา ชื่อวิชาและตอนเรียน ที่ทำการสอนมาให้ครบถ้วนและถูกต้อง หรือ
2. เขียนลงแบบฟอร์มแล้วส่งที่สำนักงานผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมวิชาการละงานทะเบียน
โดย Download แบบฟอร์มได้ที่ http://regis.dusit.ac.th ข้อมูลบริการ หัวข้อ แบบฟอร์มต่าง ๆ แล้วไปใน Teacher From ที่ชื่อว่า แบบฟอร์มแจ้งรายวิชาเรียนที่ขาดในระบบบริหารการศึกษา

4. การจัดตารางเรียน-ตารางสอน
ดำเนินการตามประกาศของมหาวิทยาลัย เรื่อง กิจกรรมวิชาการของผู้ประสานงานวิชาการ โดยสามารถ Download ดูประกาศได้ที่ http://regis.dusit.ac.th/ เว็บไซท์ของสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน ข้อมูลบริการ หัวข้อบรรทัดที่ 2 ชื่อ ปฏิทินวิชาการ แล้วเลือกภาคเรียนที่ต้องการ

5. การลงทะเบียนเรียนของนักศึกษา

1) การลงทะเบียนจองรายวิชาของภาคเรียนถัดไป จะดำเนินการก่อนสิ้นภาคเรียนปัจจุบันตามประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง กิจกรรมวิชาการของนักศึกษา โดยมีกำหนดระยะเวลาไว้แล้ว ดังนั้น ที่สำคัญคือ รายวิชาที่ผู้ประสานงานวิชาการทุกท่านเปิดไว้ในระบบบริหารการศึกษาให้นักศึกษาลงทะเบียนต้องเสร็จตามกำหนดเวลาที่ได้ระบุไว้ในประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง กิจกรรมวิชาการของผู้ประสานงานวิชาการ (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)

2) การลงทะเบียนเรียน เพิ่ม- ถอนรายวิชา (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
กรณี นักศึกษาลงทะเบียนเพิ่มรายวิชา ทำได้ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน ซึ่งวันที่เปิดระบบบริหารการศึกษาให้ดำเนินการจะเป็นไปตามประกาศมหาวิทยาลัย ฯ
นักศึกษาสามารถดำเนินการในระบบบริหารการศึกษาได้เองตามวันที่กำหนด ไม่ว่านักศึกษาจะลงทะเบียนยังไม่ครบหน่วยกิตที่กำหนดหรือไม่เคยลงทะเบียนเลยก็สามารถทำได้ แต่นักศึกษาต้องไม่มีหนี้ค้างชำระของภาคเรียนที่ผ่านมาแล้วและสถานภาพนักศึกษาเป็นปกติ

กรณี ถอนรายวิชา (ไม่ได้รับผลการเรียนเป็น W ) จะทำได้ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน เป็นไปตามประกาศมหาวิทยาลัย ฯ ซึ่งนักศึกษาต้องยื่นคำร้องที่สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และสำหรับนักศึกษาสังกัดศูนย์การศึกษายื่นคำร้องได้ที่สำนักงานศูนย์การศึกษา นักศึกษาที่ดำเนินการในกำหนดจะไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเรียนล่าช้า เป็นจำนวนเงิน 500 บาท
หมายเหตุ
ขอเน้นย้ำว่า หากพ้นกำหนดแล้วนักศึกษาต้องยื่นเรื่องขอยกเลิกรายวิชาเพื่อรับผลการเรียน “W” ซึ่งทำได้ตั้งแต่พ้นกำหนดการเพิ่ม-ถอนรายวิชาของแต่ละภาคเรียน และไม่เกิน 2 สัปดาห์ก่อนกำหนดการสอบปลายภาค


3) การลงทะเบียนเรียนข้ามภาค (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
นักศึกษาขออนุญาตลงทะเบียนเรียนข้ามภาคกับนักศึกษาภาคปกติ ภาคสมทบ และภาคปกติ (นอกเวลา) จะทำได้ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน โดยพิจารณาเฉพาะนักศึกษาที่มีความจำเป็นที่ลงทะเบียนยังไม่ครบตามที่กำหนดและเป็นรายวิชาที่ไม่เปิดสอนในภาคปกติ ภาคสมทบและภาคปกติ (นอกเวลา) ของนักศึกษา (โปรดระวังนักศึกษาขออนุญาตลงรายวิชาที่มีข้อกำหนดว่าต้องผ่านรายวิชาใดมาก่อนหรือขอลงทะเบียนข้ามภาคควบกันระหว่างรายวิชาที่มีข้อกำหนดให้เรียนมาก่อนจึงจะลงได้ รวมถึงนักศึกษาไม่มีหนี้ค้างชำระของภาคเรียนที่ผ่านมาแล้ว)

4) การลงทะเบียนเรียน(จำนวนหน่วยกิตเกินจากเกณฑ์ที่กำหนด)
นักศึกษายื่นคำร้องลงทะเบียนเรียน(จำนวนหน่วยกิตเกินจากเกณฑ์ที่กำหนด) ในกรณีที่เป็นภาคเรียนสุดท้ายกำลังจะสำเร็จการศึกษา และลงทะเบียนครบตามจำนวนหน่วยกิตที่กำหนดได้ที่ศูนย์การศึกษาและสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนโดยนักศึกษาต้องแนบเอกสารมากับคำร้องดังนี้
4.1 ใบรายงานผลการลงทะเบียน (มสด 13.2) ของภาคเรียนนั้น
4.2 ใบรายงานผลการศึกษา (มสด.29) ทุกภาคเรียน
4.3 ถ้าเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี ต่อเนื่อง ต้องแนบวุฒิ ปวส.มาด้วย
ทั้งนี้ นักศึกษาต้องใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้อง และไม่มีหนี้ค้างชำระในภาคเรียนที่ผ่านมาแล้ว

5) การขอลงทะเบียนเรียนล่าช้า (พ้นกำหนดการเพิ่ม-ถอนรายวิชา) (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี2550) นักศึกษาที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหรือยังลงทะเบียนไม่ครบตามหน่วยกิตที่กำหนด สามารถยื่นคำร้องขอลงทะเบียนเรียนล่าช้าได้ที่สำนักงานศูนย์การศึกษาและสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โดยต้องชำระค่าธรรมเนียม กรณีนักศึกษาระดับปริญญาตรีลงทะเบียนเรียนล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน 500 บาท ซึ่งนักศึกษาสามารถยื่นขอลงทะเบียนเรียนข้ามภาคล่าช้าได้ด้วยแต่ต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมเหมือนกัน
ทั้งนี้ ประกาศมหาวิทยาลัย ฯ ดังกล่าวไม่ใช้กับการขอถอนรายวิชาที่พ้นกำหนดไปแล้ว ดังนั้นอย่าให้นักศึกษาชำระเงินค่าถอนรายวิชา นักศึกษาต้องชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา)

6) การขอลงทะเบียนเรียนย้อนหลัง (ปรากฏผลการเรียน)
นักศึกษายื่นคำร้องขอลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่ไม่ได้ลงทะเบียนในภาคเรียนที่ผ่านไปแล้ว โดยอาจารย์ผู้สอนส่งผลการเรียนเข้ามาไว้ที่สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน เมื่อตรวจสอบพบผลการเรียนก็จะดำเนินการลงทะเบียนเรียนให้นักศึกษา แต่นักศึกษาต้องไม่มีหนี้ค้างชำระในภาคเรียนใด ๆ เลย (ภาคเรียนปัจจุบันด้วย) ซึ่งตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2550 เป็นต้นไปนักศึกษาจะต้องชำระค่าธรรมเนียมลงทะเบียนเรียนล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน 500 บาทก่อน จึงจะลงทะเบียนให้ และแจ้งนักศึกษาชำระเงินค่าหน่วยกิตและค่าปรับของการชำระเงินล่าช้าด้วย
5. การตัดตอนเรียน
ก่อนเปิดภาคเรียนนั้น ๆ เจ้าหน้าที่วิชาการของศูนย์การศึกษาต้องเข้าไปตัดตอนเรียนในระบบบริหารการศึกษาที่ เมนูตัดตอนเรียน เพื่อเป็นการให้สิทธิ์เรียนแก่นักศึกษา และนักศึกษาที่เกินจำนวนที่กำหนดไว้ของตอนเรียนนั้นจะได้ทราบว่าตนเองไม่ได้สิทธิ์เรียน เพื่อลงทะเบียนใหม่ ภายใน 14 วัน นับจากวันเปิดภาคเรียนปกติและภายใน 7 วัน นับจากเปิดภาคเรียนฤดูร้อน

6. การสอบเทียบความรู้
นักศึกษายื่นคำร้องหรือศูนย์การศึกษาบันทึกเสนอรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ เพื่อพิจารณามีเอกสารประกอบดังนี้ 1. ใบรายงานผลการศึกษา (มสด.29) ทุกภาคเรียน
2. สำเนาวุฒิการศึกษาปวส. หรือถ้ามีรายวิชาที่ยกเว้นหรือเทียบโอนแนบมาด้วย
โดยการสอบเทียบจะเป็นการสอบเทียบ 100 %

7. การสอบปลายภาคเรียน (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
1. การรับข้อสอบปลายภาคไปเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์การศึกษานั้น ศูนย์ในกรุงเทพ ฯและปริมณฑลจะมารับและส่งคืนวันต่อวัน ส่วนศูนย์ต่างจังหวัดจะมารับก่อนวันสอบไม่เกิน 2 วัน และส่งคืนไม่เกิน 3 วันนับจากวันสุดท้ายที่ศูนย์ ฯ มีการสอบ ซึ่งผู้รับ-ส่งข้อสอบจะมีคำสั่งแต่งตั้ง ทั้งนี้ ต้องส่งสรุปรายงานการดำเนินการจัดสอบปลายภาคเมื่อเสร็จสิ้นการสอบตามวันที่คำสั่ง ฯ กำหนด
2. การทุจริตการสอบจะมีแนวปฏิบัติให้ในคู่มือนักศึกษาและระเบียบมหาวิทยาลัย ฯ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบและกรรมการกำกับการสอบ สามารถ Download ดูระเบียบได้ที่ http://regis.dusit.ac.th/ เว็บไซท์ของสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน ข้อมูลบริการ หัวข้อบรรทัดที่ 1 ชื่อ ประกาศมหาวิทยาลัย ฯ แล้วเลือกที่ระเบียบดังกล่าว
เมื่อเกิดการสงสัยว่าทุจริตในการสอบต้องให้นักศึกษาลงลายมือชื่อรับทราบ หากนักศึกษาไม่ยอมลงลายมือชื่อเพื่อรับทราบให้กรรมการกำกับการสอบรายงานบันทึกพฤติกรรมเพิ่มเติมเพื่อเสนอต่อรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ

8. การขออนุญาตสอบเวลาพิเศษและตารางสอบซ้อน (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
การสอบลักษณะนี้เป็นการพิจารณาอนุญาตให้สอบเฉพาะนักศึกษาผู้ที่มีความจำเป็นเท่านั้น และมีเหตุผลเพียงพอ โดยยื่นคำร้องมาเสนอขออนุญาตหรือศูนย์การศึกษาบันทึกข้อความขออนุญาต โดยกำหนดการสอบจะเป็นการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป หากไม่ยื่นคำร้องขออนุญาตและขาดสอบต้องมายื่นคำร้องขอสอบเนื่องจากขาดสอบปลายภาค


9. การจัดสอบกรณีขาดสอบปลายภาค (มีแนวปฏิบัติในคู่มือนักศึกษา ปี 2550)
นักศึกษาต้องยื่นคำร้องในวันที่ตามประกาศของมหาวิทยาลัย ฯ และมาเข้าสอบตามวันและเวลาที่ประกาศ นักศึกษายื่นคำร้องขอสอบที่ศูนย์ใดต้องไปสอบขาดสอบที่ศูนย์นั้น หากไม่เข้าสอบถือว่าสละสิทธิ์ มหาวิทยาลัย ฯ จะไม่จัดสอบให้กับนักศึกษา และผลการเรียนในส่วนที่ขาดสอบเป็น “ศูนย์” แล้วจะดำเนินการปรับผลการเรียนตามคะแนนเก็บที่มี
ทั้งนี้ นักศึกษาต้องไม่มีหนี้ค้างชำระในภาคเรียนใด ๆ เลย (รวมภาคเรียนปัจจุบัน) จึงจะดำเนินการได้