
วันแรกกับอาหารเย็นที่ภัตราคารต้องบอกว่าจำชื่อภัตราคารภาษาจีนไม่ได้ เป็นภัตราคารที่จัดว่าสวยทีเดียว อาหารถูกจัดวางรอไว้เต็มโต๊ะแล้ว บรรยากาศใช้ได้ มีลักษณะบรรยากาศจีน ๆ มีพนักงานมายืนคอยบริการ เป็นสาวจีนหลายคนที่หน้าตา แทบจะบอกได้ว่าเหมือนกันหมด ปากนิด จมูกหน่อย ดั้งน้อย ๆ ตาตี่ ๆ อายุประมาณ 15-16 ปี กันนะครับ ผิวขาวมาก หุ่นอวบ ๆ ไม่ค่อยสูงนัก ถามคุณหงษ์ไกด์ของเรา บอกว่าเป็นสาวชนบทเข้ามาหางานทำ เพราะที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ อาหารบนโต๊ะประมาณ 10 อย่าง ที่ผมชอบมาก คือ พริกหยวกกับหมูผัด น้ำมันหอยเท่านั้นเอง นอกนั้นจะมี ปลานึ่ง พวกเราไม่ค่อยทานเพราะก้างเยอะมาก แถมรสชาติจืดมาก ต่อไปคือ หมั่นโถทอด เหมือนปาท่องโก๋จิ้มสังขหยาบ้านเรา ครับ ดูสีเหมือนแต่รูปลักษณ์ไม่เหมือน พอลองชิมก็แย่งกันใหญ่ จานต่อมาดูคุ้น ๆ หมูแดงบ้านเราแต่มีน้ำมันเยิ้ม ๆ ที่ขาดไม่ได้ก็คือเมณูไก่ครับ จานในรูปไก่อบครับพี่ ต่อมาชามใหญ่มากกลางโต๊ะจะเรียกว่ากาละมังก็ได้ เพราะชามใหญ่มีน้ำแกงเป็น น้ำใส ๆ มีผักสีเขียวลอยอยู่บ้างเล็กน้อย ที่ดูแปลกไม่รู้ว่าผักชื่ออะไรไม่ได้ถาม เหมือนกลีบหอมหัวใหญ่มาต้มแล้วใส ๆ แต่ไม่มีรสชาติเลย ตักกันคนละถ้วย ชิมแล้ว ไม่มีใครตักอีกเลย แต่ที่แน่ ๆ อาหารจานหนึ่งไม่เคยกินมาก่อนเลย คือ ไข่เจียว 555 (ล้อเล่น) อาหารที่จำได้ก็คืออาหารที่สนใจในรสชาตินะครับนอกนั้นก็จำไม่ได้แล้ว เพราะทานที่ภัตราคาร 5 วันไม่ซ้ำกันเลย ยังต้องใช้ตะเกียบคีบข้าวเข้าปากกว่าจะอิ่ม ก็กินกับข้าวซะมาก ช้อนที่มีให้ก็เป็นช้อนเหมือนที่จัดที่โต๊ะจีนเป็น สีขาวเซรามิก ตักน้ำซุบง่ายกว่าตักข้าวเยอะเลย ยังไม่หมดนะครับสัปดาห์หน้ามาอ่านกันต่อครับ
1 ความคิดเห็น:
คุณยอดลืม น้ำพริกนรกจากเมืองไทย กินกับไข่เจียวก็อร่อยดีนะคะ ฮิฮิ
แสดงความคิดเห็น